Apple เปิดตัว iPhone 5 ตัวเครื่องอลูมิเนียม, หน้าจอ 4″, และชิปเซ็ท Apple A6

หลังจากหลุดกันจนหายตื่นเต้นกันหมดแล้ว Apple ได้ทำการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการออกสู่สายตาชาวโลกไปเมื่อวานนี้โดยใช้ชื่อว่า iPhone 5 แบบไม่ต้องมาเดอะนงเดอะนิวอะไรให้ยืดยาวกันไป เราจึงได้สรุปรายละเอียดต่างๆ ของ iPhone 5 มาให้ได้ดูกันว่าจะมีอะไรน่าสนใจและเหมาะสมกับการควักเงินในกระเป๋าของเรา จ่ายไปรึเปล่า

ตัวเครื่องอลูมิเนียมบางลง, เบาลง

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการเปิดตัว iPhone 5 ที่มีการออกแบบใหม่หมดจดเป็นครั้งแรก แต่เชื่อว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้เห็นดีไซน์แบบนี้ เพราะหลายๆ คนอาจจะเห็นได้จากข่าวหลุดต่างๆ จนหมดความตื่นเต้นไปกันหมดแล้ว (ไม่ได้เป็นความผิดของ Apple เลยนะเนี่ย) ซึ่งจากหน้าตาดังกล่าวทำให้ iPhone 5 นั้นสามารถบางลงจนเหลือแค่ 7.6 มม. เท่านั้น และยังเบาลงเหลือเพียง 112 กรัม ต่างจาก iPhone 4S ที่มีน้ำหนักอยู่ที่ 140 กรัม (กลายเป็น 4S หนักขึ้นมาทันที นี่แหละได้ใหม่ลืมเก่า :p)

ตัวเครื่องทำมาจากอลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ทำ MacBook Pro และมีชิ้นส่วนที่เป็นกระจกประกบที่ด้านบนและด้านล่างของหลังเครื่อง โดยส่วนที่เป็นอลูมิเนียมใช้การตัดชิ้นส่วนที่เรียกว่า Diamond Cut ทำให้ตรงส่วนขอบๆ จะเงางามเป็นพิเศษเหมือนอัญมณียังไงยั้งงั้นเลยทีเดียว

หน้าจอ Retina Display ขนาด 4″ ความละเอียด 1136 x 640 pixel

เรื่องของขนาดหน้าจอเป็นอะไรที่หลายๆ คนลุ้นมาตลอดว่า Apple จะเปลี่ยนแปลงเมื่อไร และก็เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ iPhone รุ่นแรกในปี 2007 ที่มีการเพิ่มขนาดหน้าจอจาก 3.5″ เป็น 4″ และมีการเพิ่มพื้นที่หน้าจอให้ยาวขึ้นเป็น 1136 x 640 pixel จากเดิม 960 x 640 pixel ทำให้หน้าจอขนาดใหม่นั้นจะมีอัตราส่วนเป็น Widescreen 16:9 อย่างเต็มรูปแบบ เพิ่มความสนุกสนานในการดูหนังฟังเพลงและเล่นเกมให้เต็มอิ่มมากขึ้นเข้าไปอีก
ในส่วนของเทคโนโลยีจอภาพที่พัฒนาขึ้นทำให้จอบางลงแต่ยังให้ความอิ่มของสี (Saturation) มากขึ้นกว่า 44% อีกด้วย เรียกว่าจอสดจอสวยขึ้นได้อีกเยอะเลยทีเดียว

Apple A6 เร็วขึ้นกว่าเดิมสองเท่า

จากเดิมที่ Apple เคยเปิดตัว A5X ใน The new iPad ทำให้เกิดความสงสัยว่าแล้วใน iPhone รุ่นใหม่จะเป็นชิปเซ็ทอะไร ซึ่งสุดท้ายก็มีการเปิดตัว A6 มาใส่ใว้ใน iPhone 5 จนได้ ซึ่งทำให้ iPhone 5 นั้นจะมีความสามารถในการประมวลผลมากกว่า The new iPad เสียอีก โดยตัวชิปเซ็ทรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ทำให้ iPhone 5 เร็วกว่า iPhone 4S ทั้งด้าน CPU และ GPU ถึงสองเท่า เรียกได้ว่าเร็วทั้งการใช้งานทั่วไปและการประมวลผลกราฟิกที่ดีขึ้นผิดหูผิด ตากันเลยทีเดียว

กล้อง iSight ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมฟังก์ชั่น Panorama, FaceTime HD

ในส่วนของตัวกล้องไม่ได้มีอะไรอัพเดทมากมายนัก หลักๆ จะเป็นการเพิ่มลูกเล่นในส่วนของการถ่ายภาพ Panorama เข้ามา ซึ่งจะทำให้เราสามารถแพนกล้องเพื่อถ่ายรูปภาพ Panorama แบบไม่ต้องนำมาประกอบภาพเองภายหลังได้ทันที (ได้ภาพขนาด 28 ล้านพิกเซล) และสำหรับการถ่ายภาพทั่วไปจะสามารถทำได้เร็วขึ้นอีก 40% อีกด้วย

ที่น่าสนใจจริงๆ เห็นจะเป็นตัวกล้องด้านหน้า ที่สามารถถ่ายวิดีโอแบบ 720p ได้แล้ว ซึ่งทำให้เราสามารถใช้เล่น FaceTime HD ได้ ส่วนการถ่ายภาพนิ่งจากกล้องด้านหน้าเชื่อว่ายังคงหวังพึ่งอะไรมากไม่ได้ เพราะน่าจะอยู่แค่ราวๆ 1 ล้านพิกเซลเท่านั้น (อารมณ์กล้องหลัง iPod touch รุ่นเก่าน่ะแหละ)

Lighting Connector บอกลา 30-Pin ไปได้เลย

หมดยุคของหัวชาร์จอันใหญ่เท่าบ้านอย่าง 30-Pin Dock Connector แล้วโดย Apple ได้เปิดตัวสายชาร์จที่ใช้หัวต่อแบบใหม่ในชื่อเท่ๆ อย่าง Lightning ที่มีขนาดเล็กลงเป็นอย่างมาก และเสียบได้สองด้านไม่ต้องมาอารมณ์เสียหมุนหัวไปมาว่าจะเอาด้านไหนดี โดยเจ้า Lightning นั้นจะสามารถส่งข้อมูลได้สเถียรกว่าแบบ 30-Pin ของเก่าอีกด้วย และแน่นอนว่า Apple ได้ออก Adaptor สำหรับแปลงหัวแบบ 30-Pin เป็น Lightning เพื่อต่อชีวิตอุปกรณืเสริมแบบเก่าด้วยเช่นกัน

แบตเตอรี่ (เค้าบอกว่า) อึดขึ้น

Apple ได้แสดงข้อมูลของแบตเตอรี่ใน iPhone 5 ว่าสามารถ Standby ได้นานขึ้นมากกว่า iPhone 4S เสียอีกที่ 225 ชั่วโมง (จาก 4S ที่ได้แค่ 200 ชั่วโมง) ซึ่งจากตรงนี้ต้องรอการพิสูจน์อีกทีว่าจะจริงอย่างที่ว่าไหม เพราะด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างคงยังไม่สามารถสรุปได้เป๊ะๆ ในตอนนี้

หูฟังประจำตระกูลตัวใหม่ในนาม EarPods

หลังจากอยู่คู่กันมายาวนานหลากหลายปี ในที่สุด Apple ก็ได้เปิดตัวหูฟังแบบใหม่ในชื่อว่า EarPods โดยใช้หลักการออกแบบตามสรีระของหูคนเป็นหลัก จึงได้หูฟังที่หน้าตาประหลาดออกมาอย่างที่เห็น โดยทาง Apple ได้ออกแบบให้มีระบบการหมุนเวียนของกระแสลมในหูฟังอย่างถูกต้อง และสามารถส่งเสียงเข้าหูได้พอดีกับรูปร่างของหูมากที่สุด จะดีแค่ไหนคงต้องรอได้ของจริงมาลองฟังกันอีกที

4G LTE ออกมาก็ดีแต่ดูแล้วอีกนาน (กว่าบ้านเราจะได้ใช้)

เป็นฟังก์ชั่นที่ออกมาแล้ว อ๋อเหรอ? พอสมควรสำหรับผมเพราะในยุคที่บ้านเรายังคาดหวังอะไรกับ 3G ไม่ค่อยได้ การที่ iPhone 5 สามารถใช้ 4G LTE ได้คงไม่มีอะไรตื่นเต้นมากเท่าไร โดยสเปคของ 4G LTE ที่ทำได้คือสามารถมีอัตราการดาวน์โหลดสูงถึง 100Mbps กันเลยทีเดียว (Wi-Fi ยังอายเลย)

ส่วนที่น่าสนใจก็คือ iPhone 5 จะใช้งาน Nano-SIM เท่านั้น ซึ่งบ้านเรายังเป็น Micro-SIM กันอยู่ แต่ก็เชื่อว่าเมื่อตอนที่ iPhone 5 เข้ามาขายในไทยทางแต่ละค่ายคงเตรียม Nano-SIM ใว้ให้เรียบร้อยแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร

เปิดจอง 14 กันยายน, วางขายรอบแรก 21 กันยายน

สำหรับ iPhone 5 จะเริ่มให้จองได้ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายนและจะวางขายอย่างเป็นทางการที่สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, และสหราชอาณาจักร ในวันที่ 21 กันยายนนี้ ส่วนรอบสองจะเป็นวันที่ 28 กันยายนแต่ยังไม่มีรายชื่อประเทศไทย

สำหรับไทยเองนั้นคาดว่าน่าจะอยู่ในรอบที่สามไม่เกินรอบที่สี่ โดยกำหนดการเข้าไทยคร่าวๆ เชื่อว่าน่าจะอยู่ในช่วงกลางเดือนตุลาคมไปจนถึงปลายเดือนตุลาคม สนนราคาไม่น่าจะห่างจากฮ่องกงและสิงคโปร์เท่าไรนัก ซึ่งตอนนี้ที่ฮ่องกง iPhone 5 มีราคาเริ่มต้นที่ HK$ 5588 หรือราวๆ 22,500 บาท ซึ่งในไทยก็น่าจะเปิดตัวที่ราคาประมาณนี้ และอาจลดลงไปอีกนิดหน่อยตามสัญญาที่ระบุใว้ของแต่ละเครือข่าย และแน่นอนว่าหลังวันที่ 21 กันยายนไม่กี่วันก็จะเริ่มมีเครื่องหิ้วเข้ามาขายในประเทศไทยกันแล้วในราคา ราวๆ 3 หมื่นบาทขึ้นไป ยังไงใครจะซื้อก็ดูๆ กันหน่อยนะครับว่าเครื่อง Locked อยู่กับเครือข่ายไหนประเทศไหนรึเปล่า

ระวังมิจฉาชีพ!

ข้อสุดท้ายไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อข่าวเป็นพิเศษแต่อยากจะเตือนใว้หน่อย ว่าทุกๆ ปีจะมีเรื่องราวการโกงกันเกี่ยวกับ iPhone รุ่นใหม่มาให้เราได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นการหลอกว่ามีเครื่อง ให้โอนเงินมาก่อน หรือหลอกว่าจะบินไปหิ้วมาให้ต่างๆ นานา ทางที่ดีลองใช้สติ ใจเย็นๆ แล้วไตร่ตรองดูว่าทุกอย่างสมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะเชื่อว่าหลายๆ คนเวลาอยากได้อะไรจัดๆ จะรีบซื้อรีบโอนเงินไม่ดูอะไรให้ดีๆ เสียก่อน

ยังไงปีนี้ก็ระวังจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่จ้องจะฉวยโอกาสจากกระแส iPhone 5 ทางที่ดีรอเครื่องเข้าประเทศอย่างเป็นทางการก่อนค่อยซื้อจะปลอยภัยกว่าครับ

Apple เปิดตัว iPhone 5

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555